วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บุคคลสำคัญของประเทศไทย


บุคคลสำคัญของประเทศไทย

สืบ นาคะเสถียร

หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง สืบ นาคะเสถียรชื่อเดิมว่า สืบยศ เกิดเมื่อวัน เสาร์ ที่ 31 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2492 ตำบล ท่างาม อำเภอ เมือง จังหวัด ปราจีนบุรี บิดาชื่อ นายสลับ มารดาชื่อ นางบุญเยี่ยม มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดย สืบ เป็นบุตรชายคนโตของครอบครัว น้องชายและน้องสาว คือ นายกอบกิจ นาคะเสถียร และน้องสาว กัลยา รักษาสิริกุล สืบ นาคะเสถียร มีบุตรสาว 1 คน ชื่อ ชินรัตน์ สืบ มีบุคลิกประจำตัว คือ เมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ เวลาว่างในวัยเด็ก สืบ ชอบท่องเที่ยว โดยมีหนังสติ๊กคู่ใจ รวมเดินทางด้วย

สืบ นาคะเสถียร เข้าเรียนประถมตอนต้นที่โรงเรียนประจำจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อเรียนจบประถม 4 ได้ไปเรียนต่อที่ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 5 และได้เข้าศึกษาในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2511 และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2514 และต่อมาได้ทำงานที่ส่วนสาธารณะของการเคหะแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2517 ได้เข้าศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิชาวนวัฒน์วิทยา ที่คณะวนศาสตร์ มหาลัยเกษตรศาสตร์ สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2518 ได้เริ่มชีวิตข้าราชการ โดยบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 สืบ ได้รับทุนการศึกษาจากบริติชเคาน์ซิลเรียนต่อในระดับปริญญาโทอีกครั้ง สาขาอนุรักษ์วิทยา ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ในอังกฤษและ จบการศึกษาในปี พ.ศ. 2524


สืบ นาคะเสถียร กับหน้าที่อนุรักษ์สัตว์ป่า

สืบ นาคะเสถียร ได้กลับเข้ามารับราชการที่กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ในปี พ.ศ. 2531 และสืบได้พยายามเสนอให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และป่าห้วยขาแข้ง มีฐานะเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ จากองค์การสหประชาชาติ โดยเล็งเห็นว่าฐานะดังกล่าวจะเป็นหลักประกันสำคัญ ที่จะคุ้มครองป่าผืนนี้เอาไว้อย่างถาวร

โดย ปลายปี พ.ศ. 2532 สืบได้รับทุนเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่อังกฤษ พร้อมกับได้รับมอบหมาย ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ที่มีความสำคัญมากไม่แพ้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ในปี พ.ศ. 2533 สืบ ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร ได้เป็นวิทยากรบรรยาย และร่วมอภิปรายในโอกาสและสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่ง โดยเน้นเรื่อง “การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาที่เกี่ยวข้อง” และ “การอพยพสัตว์ป่าตกค้างในเขื่อนเชี่ยวหลาน“

สืบ ได้แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะรักษาป่าผืนนี้ไว้ให้ได้อย่างชัดแจ้ง ได้ประกาศให้รู้ทั่วกันว่า “ผมมารับงานที่นี่ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน”
ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับงานหัวหน้าเขตฯ ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่สามารถปกป้องป่าได้

เนื่อง จาก การดูแลผืนป่าขนาดมากกว่าหนึ่งล้านไร่ ด้วยงบประมาณและกำลังคนที่จำกัด รวมถึงการทุจริตของเจ้าหน้าที่ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย และมากกว่านั้นปัญหาความยากจนของชาวบ้านที่อยู่อาศัยโดยรอบเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า ทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่หวังผลประโยชน์ ได้ว่าจ้างชาวบ้านในเขตป่าสงวนเข้ามาตัดไม้ และลักลอบล่าสัตว์ในเขตป่าอนุรักษ์

การเสียสละด้วยชีวิต

บ้าน พักของสืบในห้วยขาแข้งสถานที่ที่เขาเลือกที่จบชีวิตลง เช้ามืดวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2533 สืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง สืบได้สั่งเสียลูกน้องคนสนิทและเขียนจดหมายสั่งเสีย 6 ฉบับ ชำระสะสางภาระรับผิดชอบ และทรัพย์สินส่วนตัวที่คั่งค้าง รวมถึงมอบหมาย เครื่องใช้ และอุปกรณ์ในการศึกษาวิจัยด้านสัตว์ป่า ให้สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ตั้งศาลเพื่อแสดงความคารวะต่อดวงวิญญาณของเจ้าหน้าที่ ซึ่งพลีชีพรักษาป่าห้วยขาแข้ง แล้วสวดมนต์ไหว้พระจนจิตใจสงบ เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่งในราวป่าลึก ที่ห้วยขาแข้ง สืบ นาคะเสถียร ได้จบชีวิตของเขาลง และเป็นจุดเริ่มต้นของ “ตำนานนักอนุรักษ์ไทย สืบ นาคะเสถียร ผู้ที่รักป่าไม้ สัตว์ป่าและธรรมชาติ ด้วยกายและใจ“

ทั้งนี้ สืบ นาคะเสถียร ยังได้เอ่ยถ่อยคำที่บ่องบอกถึงความรับผิดชอบ และความจริงใจในการทำหน้าที่อนุรักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้ง และสัตว์ป่าว่า
 “ผมคิดว่า ชีวิตผมทำได้ดีที่สุดแล้ว เท่าที่ผมมีชีวิตอยู่
ผมคิดว่า ผมได้ช่วยเหลือสังคมดีแล้ว
ผมคิดว่า ผมได้ทำตามกำลังของผมดีแล้ว
และ…ผมพอใจ ผมภูมิใจสิ่งที่ผมทำ …”
สืบ นาคะเสถียร

หลังจากที่ สืบ นาคเสถียรได้จบชีวิตของตัวเองลงไป ศิลปินต่างๆ ได้มีการเขียนเพลงขึ้น ด้วยบทเพลง “ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน” โดย วิยะดา โกมารกุล ซึ่งได้เขียนเพลงตัวแทนสืบ นาคะเสถียร เป็นไม้ขีดไฟ ที่ยอมจุดไฟตัวเอง เพื่อให้ดอกทานตะวันหันมอง (ยอมให้รัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องหันมาดูแลผืนป่าอย่างจริงจัง)
แหล่งที่มา : http://scoop.mthai.com/specialdays/2953.html